Saturday, April 28, 2012

Scratch กรรม


เห็นเดี๋ยวนี้มีออกกันมาเยอะเหลือเกิน...หนังสือแนวประเภท สแกนกรรม สเก็ตกรรม copy cut & paste กรรม สัมผัสต่างๆนานา.... วันนี้เลยขอรับหน้าที่อาสาเป็น DJ มา scratch กรรม ให้ท่านทั้งหลายได้ฟังกัน.....

มันก็นานาจิตตัง... โปรดใช้วิจารณญาณ ในการชม
หลังจากนี้ไปจะเป็นการ dramaในแบบฉบับของผมล้วนๆ ผมเป็นอีกคนที่ค่อนข้างจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่

มันมีคำถามขึ้นมาในหัวว่า
"คนเหล่านี้เค้ามีพลังพิเศษจริงหรือจะเชื่อได้จริงมั้ย" 
"คนเหล่านี้เขาต้องการช่วยคนจริงหรือแค่เขียนหนังสือเพื่อหารายได้"
ไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าตัวที่เขียนหนังสือนั้นแหละรู้ดี

Ok ... เรามาพูดกันต่อ กรรมคือ อะไร กรรมคือส่วนที่ต่อมาจากกิริยา ที่ต้องมีประธาน จริงจะเป็นประโยคที่สมบูรณ์ เอร้ย!!!! นี้มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ...อันนี้มุข

กรรม มันก็คือผลที่เกิดขึ้นมาจากการกระทำ ยกตัวอย่าง

  • กรรมเปรียบเสมือน หยดหมึกในแก้วน้ำ เมื่อมันหยดลงไปแล้ว ทำอย่างไรมันก็ไม่มีทางหายไปได้ มันแค่เจือจาง และมองเห็นได้.... 
  • หมายความว่า คนที่สามารถมองเห็นเจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นได้มีจริงหรือไม่ ขอตอบว่ามีครับ , 
  • แต่ถ้าถามว่าคนที่สามารถแก้กรรมให้หมดไปมีจริงหรือไม่ ขอตอบว่าไม่มีครับ...
  • มันคงทำได้แค่ยื้อเวลา หรือทำให้สบายใจไปช่วงหนึ่งแต่ถึงอย่างไรคุณก็ต้องรับผลกรรมนั้นอยู่ดีไม่ช้าก็เร็ว


เรามาวิเคราะห์กันต่อเกี่ยวกับเรื่อง สแกนกรรม ในเชิงจิตวิทยา ... ทำไมหนังสือเหล่านี้ ถึงออกมามาก
ข้อแรก มันเป็นที่นิยมากหมู่ของบุคคลผู้ที่ไร้ที่พึ่งทางจิตใจ
ข้อสอง มันได้รับการโปรโมทจากสำนักพิมพ์ต่างๆเพื่อสร้างกระแส และสร้างยอดขาย

แล้วมันแสดงให้เห็นถึงอะไรในยุคนี้บ้าง
ผู้คนไม่ได้เกรงกลัวในการทำบาป แต่เกรงกลัวในผลของมัน...
เพราะถ้าเราได้ละอาย ต่อการกระทำผิด คิดก่อนกระทำ เราคงไม่มานั่งนึกถึงผลของมัน
เพราะคนเดี๋ยวนี้บางคนคิดว่าเอ่อ มันสแกนกรรม กันได้ ไม่เป็นไรหรอก...ก็เลยกระทำกรรมบางอย่างแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เพราะ ปรี้ด !!!!!!. สแกนได้...มันจะละเอียดถึง 2000dpi รึเปล่าน้อ

ถึงเราเกรงกลัวต่อผลของบาป แต่เราเข้าวัดกันน้อยลง หรือเข้าไปเฉพาะตอนทุกข์หนักจริงๆ และคนในยุคนี้ก็เชื่อหมอดูมากกว่า คำสอนของพุทธองค์ จริงๆน่ะ...

เรามาคิดย้อนกลับในเชิงวิเคราะห์ จะเริ่ม scratch อย่างเป็นจังหวะ
ถ้าจะให้พูดกันตรงๆวัดทั่วไปนี้น่ะครับไม่มีเวลาเปิดหรือเวลาปิด คนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าวัดจะอ้างว่า

  • ไม่มีเวลา (แต่นาฬิกาก็ใส่)
  • งานยุ่ง (แต่facebook ทั้งวัน)

บลาๆ...

ผมเคยวิเคราะห์ว่า (ในเขตบริเวณกรุงเทพ)
1.วัดบางแห่งไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า (ถึงติดสถานีก็ไม่เข้าเชื่อปล่าวล่ะ)
2.คนนิยมเดินห้าง หรือแหล่งจูงใจอย่างอื่นมากกว่า ใช่สิ วัดมันไม่จูงใจนิ

สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคือสิ่งต่อไปนี้

เราไม่ต้องการจูงใจให้คนเข้าวัดมากขึ้นสักทีเดียว เพราะสิ่งที่เรามองเห็นคือ คนสมัยนี้มีความเครียดกันเยอะขึ้น และเลือกที่จะผ่อนคลายด้วยการเดินห้างดูหนังพอกพูนกิเลสให้หนากว่าเดิม เพราะเขาเหล่านั้นมองว่าการเข้าวัดเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย จะเป็นไปได้ไหม ถ้าจะมีใครสักคนทำ meditation center ไว้ในห้างสรรพสินค้า หรือกลางเมือง ให้คนเข้าไปนั่งสมาธิ นั่งผ่อนคลายทางจิต นั่งอ่านหนังสือมีที่สงบๆให้เขาได้พักจิตใจ คือมันไม่จำเป็นต้องเป็นวัด... เพราะว่าจะดูเหมือนเกิดการขัดแย้ง เอาวัดไปตั้งในดงกิเลส คนไทยจะ Drama กันมากมาย อ้างถึงความไม่เหมาะสม เพราะฉะนั้นมันอาจจะเป็นในรูปของเอกชน ที่ไม่ได้เกี่ยวของกับกิจของสงฆ์แบบต่างประเทศ ....​

ผลที่ตามมา เราคาดว่า เมื่อมีสถานที่แบบนี้เกิดขึ้น คนก็จะได้รับการขัดเกลาจิตใจมากขึ้น เมื่อความสบายใจเกิดขึ้น ใจบริสุทธิ์มากขึ้น กรรมชั่วก็จะก่อน้อยลง....ที่นี้เราก็คงไม่ต้องพึ่งการสแกน กรรมอีกต่อไป...

"ในขณะที่ทุกๆอย่างมันเร่งรีบเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว เราลองลดspeed ชีวิตให้ช้าลงดูบ้าง จะดีไหม เผื่อความสุขที่เราตามหาอาจจะอยู่ข้างๆกายเราโดยที่เราไม่ทันสังเกตุ"

Thursday, April 12, 2012

Review Fuji Finepix X-10



เราจะมา review Fuji finepix X10 กันแบบบ้านๆถึงแม้ว่ามันจะออกมาได้ระยะหนึ่งแล้วก็ตาม ในที่นี้ผมจะไม่พูดถึง spec ของกล้องตัวนี้น่ะครับเพราะมีคนรีวิว กันไว้เยอะแล้ว คงไปหาอ่านกันได้ไม่ยาก

โอเค เรามาเกริ่นนำกันก่อน Fuji X-series ตอนนี้มีด้วยกัน 3พี่น้องแล้วนั้น คือ 
X-100 สำหรับผู้มีอันจะกิน, 
X-10 สำหรับผู้มีฐานะปานกลาง และ 
X-1 pro สำหรับผู้ที่มีฐานะมั่งคั่ง


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยใช้ DSLR มาก่อน หรือไม่เคยใช้ แต่มองหากล้องขนาดกะทัดรัดแต่คุณภาพดี x10 มันเป็นกล้องที่จบในตัวมันเอง ... ผมหมายถึง มันมีทุกอย่างมาให้คุณครับถ้วน เริ่มจากระยะซูม ที่เหมาะสมกับการไปถ่ายเล่น ท่องเที่ยวทั่วไป ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลนส์ก็ได้ มีช่องมอง มีflash ตัวเล็กให้พร้อม มันมี function มาให้ แบบที่ DSLR มี เช่น โหมด  P, S, A, M และ EXR ในแบบเฉพาะของ Fuji อันนี้แหละใช่เลย... 

แรกสัมผัส ตัวกล้องทำมาจาก magnesium alloy ที่สำคัญ made in japan ด้วยเพราะฉะนั้น การันตีคุณภาพตัวกล้องได้ระดับนึงเลยทีเดียว รูปทรงคลาสสิคสวยงามแขวนแล้วหล่อแบบอนันดา...อะจึ้ย!!!
ใช้เลนส์แก้ว.. อะช๊ะปะเฮ้ย (ASPHERICAL Lens) ไม่ใช่พลาสติกก๋องแก๋ง
ตัวกล้อง บุลายเหมือนหนังรอบๆจับแล้วรู้สึกดี และฝาปิดเลนส์เป็น Metal Caps (กลัวทำหายมาก ครั้นจะไปหา Plastic caps ก็หายากซ่ะเหลือเกินเพราะ หน้าเลนส์กว้าง 40 mm.)

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อด้อย เนื่องจากมันเป็นกล้องตัวเล็กๆ... ก็อย่าเพิ่งไปหวังมาก ว่ามันจะต้องเทียบเท่า DSLR ซ่ะทีเดียว (ผมเชื่อว่ามีหลายคนเคยนำไปเปรียบเทียบกับตัวใหญ่)...

สิ่งแรกที่นำผมมาหาเจ้า X10 คือ ผมอยากได้กล้องตัวเล็กๆที่มีช่องมองภาพ แต่น่าเสียดายที่เจ้า X10 มันดันเป็นแค่ Range finder กล่าวคือมันโฟกัสผ่านช่องมองภาพไม่ได้ คุณต้องโฟกัสผ่านหน้าจอแสดงผล เพราะ มันไม่ใช่ electronics viewfinder (EVF)แบบรุ่นพี่ X100 หรือ Xpro 1 (เนื่องจากผมติดการ focus มาจากล้อง DSLR ที่เป็นการมองภาพผ่านเลนส์โดยตรง)  คือคุณต้องเปิด auto focus ถ้าจะใช้ช่องมองภาพของกล้อง  ในช่องมองภาพจะเห็นแค่ประมาณ 85% ของรูปจริงๆ และเวลาใช้ ต้อง Turn off monitor ด้วยน่ะเดี๋ยวแสงจากหน้าจอมันจะแยงตาเอา พูดง่ายๆช่องมองภาพเหมือนถ่ายด้วยกล้อง Lomo นั้นแหละ...แต่ดีกว่า

เราจะมาพูดถึงประสบการณ์จากการใช้งานจริงๆ กับเจ้า Fuji X10


ถ่ายภาพต่อเนื่องแบบ 4 fps เวลาแสดงผล มันจะแสดงเป็น image sequence เล็กๆให้ดูด้วยน่ะ...

ภาพต่อเนื่องของ X10 สามารถปรับได้ตั้งแต่ 3-10 fps แต่ว่าถ้าถ่ายด้วยความเร็วที่ 10 fps แล้วขนาดของภาพจะถูกลดลงเหลือ 5M (ขนาดประมาณภาพจาก iPhone 4)
  
ถ่ายในบรรยากาศกลางคืน สภาพแสงน้อย ยังโฟกัสได้ดี จับภาพเคลื่อนไหวยังคมชัดอยู่ (และแน่นอนมันมี noise อยู่เล็กน้อย) ... ถ้าเป็นโหมดถ่ายวิดีโอ อาจจะมีหลุดโฟกัสไปบ้างบางช่วง หรือ เกิดอาการ แฟลช แบบว่า hertz rate ของหลอดไฟ มันต่ำพวกนี้ทำให้ภาพกระพริบชั่วขณะ แต่ก็สามารถกลับคืนได้ในเวลาอันสั้น 


ถ่าย macro ละลายฉากหลัง และ Bokeh


ตอนแรกเนี้ย ผมแค่มองหากล้องที่มันสามารถถ่าย macro ขนาด 1 ฟุตได้ก็พอใจแล้ว แต่เจ้า x 10 มีสิ่งที่เรียกว่า Super Macro คือ สามารถถ่ายใกล้วัตถุได้น้อยกว่า 1 CM . เป็นอะไรที่ผมชอบมากๆในความรู้สึกส่วนตัว เรียกว่าถ่ายกันแทบจะติดเลนส์กันเลยทีเดียว


ถึงแม้ว่า X10 จะไม่มี Shutter B (bulb) แต่ว่า สามารถเปิดชัตเตอร์ได้นานถึง 30" วินาทีเลยทีเดียว แต่ว่า Process รูปนานมาก ก็กล้องมันตัวเล็กนี้หน่า....
(อันนี้นิดนึง ผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบดัน ISO จึงตั้งกล้องไม่ให้มันปรับ ISO เกิน400  แต่ช่วง ISO ของเจ้า X-10 นี้สามารถปรับได้ตั้งแต่ ISO 100 - 12800 เลยทีเดียว)



และอีกโหมดที่ภูมิใจเสนอ Adv. panorama มันแตกต่างจากกล้องตัวอื่นตรงที่ว่า คุณสามารถกำหนดได้ว่าจะให้มันถ่าย 180 องศา หรือ 360 องศา pan ซ้าย หรือ ขวา  บน หรือ ล่าง แต่เวลาถ่ายพาโนราม่า ให้เคลื่อนกล้องช้าๆ แต่อย่าช้ามากหรือเร็วเกินไป ใช้ไปซักพักจะจับจังหวะถูก... และให้ระวังสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ เพราะจะทำให้เกิดภาพซ้อนได้..(มันซ้อนน่าเกลียดน่ะ)

(update) หลังจากที่ได้ลองใช้ x-10 ในโหมด ถ่ายวิดีโอก็รู้มาว่า มันสามารถถ่ายภาพไปพร้อมกันได้ ด้วยการกด ปุ่ม Menu/OK


เช็ค Perspective Dept of field กันหน่อย.... เห็น dynamic range กันมั้ย...

ย้ำกันอีกที x-10 เกือบจะอยู่ในหมวดของกล้อง hi-end compact ที่สูงกว่า compactทั่วไป เพราะด้วยวัสดุที่ทำให้มันสมราคา และมันเป็นกล้องตัวเล็กเพราะฉะนั้นอย่าไปคาดหวังว่ามันจะเทียบรัศมีตัว DSLR Pro ได้ ... และถ้าคุณเป็นคนที่ถ่ายรูปแค่ดูในจอคอมพิวเตอร์ หรือ อัดรูปขนาดไม่เกิน 10"x 12" แล้วเนี้ย แค่นี้ก็สุดยอดแระ
คุณภาพไฟล์ถือว่าเยี่ยม ขนาด 10 ล้านpixel สามารถถ่ายไฟล์ Raw ได้ด้วย..แต่ประมวลผลนานมาก

ตอนนี้ผมก็ยังคงตกหลุมรัก เจ้า X-10 แบบไปไหนไปด้วย พาไปทุกที่เฉพาะ เวลาถ่ายงานสินค้า งาน Product Shot เท่านั้นแหละที่ต้องใช้ พี่ใหญ่อย่าง Nikon ถ่าย

http://boou.multiply.com/

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






Monday, April 9, 2012

My Draw something Time

If you play "Drawsomething" and meet me, this is my drawing ... If i have a free time... I have to draw like this